ใครที่พบ เห็นข่าวรับสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยจากหน้าการศึกษาหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉพาะผู้ที่สมัครสอบวันแรกมีจำนวนกว่า 3 หมื่นราย เมื่อครบกำหนดวันสุดท้ายวันจันทร์ที่ 26 เมษายน นายพิษณุ ตุลสุข ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คาดไว้ว่าน่าจะมีผู้สมัครสูงถึง 6-7 หมื่นคน
จากจำนวนรับสมัครทั้ง สิ้น 1,354 ราย
เห็นตัวเลขผู้สมัครแล้วใจหายไหม ไม่คิดว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาครูและยังไม่มีงานทำมากถึงขนาดนี้ ทั้งที่เป็นตำแหน่งผู้ช่วยครูเท่านั้น
ประการสำคัญของการรับสมัครผู้ ช่วยครูครั้งนี้ น่าจะเป็นการคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพราะยิ่งมีผู้สมัครมากก็ยิ่งคัดเลือกได้มาก
เชื่อตามที่นายพิษณุให้ สัมภาษณ์ไว้ถึงความวิตกกังวลของหลายฝ่ายที่ว่าการสอบจะไม่มีความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือน้อยลงนั้นว่า เรื่องข้อสอบเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมการสอบ คิดว่าไม่น่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น
จากข้อสงสัยและคำตอบดูเหมือนว่า โอกาสที่จะมีรายการตุกติก เด็กเส้น จะมีสูงกว่ามาก เพราะจำนวนผู้สอบมีมากเหลือเกิน นับเป็นร้อยเท่าของจำนวนผู้สอบได้กับผู้สอบไม่ได้
หากการสอบครั้งนี้ เป็นไปโดยโปร่งใส เที่ยงธรรม ผู้ที่สอบผ่านน่าจะได้คะแนนไม่เต็มก็ฉวดเฉียด เพราะผู้เข้าแข่งขันมีจำนวนมาก ขณะเดียวกันผู้ที่สอบได้ต้องมีคะแนนเกือบจะเท่ากันทุกคน
คะแนนคนแรก กับคะแนนคนสุดท้ายที่ได้รับการคัดเลือกหรือสอบผ่าน น่าจะห่างกันไม่เกิน 10 คะแนน หรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ
การบรรจุครูไม่ว่าจะเป็นระดับ ผู้ช่วย หรือครูประจำการเข้าทำงานนับแต่นี้ต่อไปต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด เป็นวิธีการ เป็นวิธีกำหนดค่าตอบแทน และการพิจารณาด้านจริยธรรม และพฤติกรรมของความเป็นครู
วิธีการที่ กล่าวถึงมากที่สุดเพื่อจะได้ครูเก่ง ครูดี ครูมืออาชีพ ต้องมีองค์ประกอบสำคัญหลายประการ อาทิ ครูในแต่ละสาขาการเรียนการสอนต้องเป็นผู้ชำนาญหรือเชี่ยวชาญในสาขานั้น นับตั้งแต่ครูระดับอนุบาล หรือเด็กเล็ก
คุณสมบัติของครูอนุบาลหรือ เด็กเล็ก อย่างน้อยต้องศึกษามาทางด้านปฐมวัยศึกษาโดยตรง มีคุณวุฒิปริญญาตรี ผ่านการทดสอบด้านพฤติ กรรม ด้านอารมณ์ และความรักความเข้าใจเด็ก โดยเฉพาะทางด้านจิต วิทยาเด็ก ต้องมีคะแนนเป็นเท่าใดแล้วแต่จะกำหนด
ประการ หนึ่งที่ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ คือต้องเป็นครูผู้หญิง และมีครอบครัวแล้วหรือไม่ อายุอย่างต่ำเท่าไหร่ ถึงขนาดต้องพึ่งงานวิจัย หรือศึกษารูปแบบจากต่างประเทศที่เจริญแล้วทางด้านปฐมวัยศึกษา เช่น อังกฤษ ก็ต้องทำ
อีกประการหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งเป็นประเด็นแรกสุด คือมหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีด้านครุศาสตร์ทั้งของรัฐ และเอกชน ต้องมีโรงเรียนสาธิตระดับอนุบาลและประถมศึกษารองรับ เพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้ฝึกงานโดยตรง และสามารถคัดเลือกผู้เรียนที่เรียนวิชานี้ตั้งแต่เริ่มแรกที่เริ่มเรียน หากพบว่าผู้เรียนไม่เหมาะกับการเป็นครูปฐมวัยศึกษาต้องให้เปลี่ยนไปเรียนใน สาขาอื่น เช่น ประถมศึก ษา หรือมัธยมศึกษาในวิชาที่ตัวเองถนัด
ประการ สำคัญที่สุดซึ่งต้องดำเนินการตั้งแต่วันนี้ คือจำกัดปริมาณและคัดเลือกผู้เข้าศึกษาในวิชาครูให้ได้จำนวนตามที่ต้องการ อย่างน้อย 5 ปี ไม่ใช่ปล่อยให้เข้าเรียนตามอำเภอใจ แล้วต้องมาแข่งขันกันอย่างนี้
Credit คอลัมน์ เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ คมชัดลึก และ UNIGANG
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น